Cirrhopetalum auratum Lindl., Edwards's Bot. Reg. 26(Misc.): 50 (1840).
Cirrhopetalum candelabrum Lindley ex Moore 1854
Phyllorchis aurata (Lindl.) Kuntze 1891
Cirrhopetalum borneense Schltr. 1906
Bulbophyllum borneense (Schltr.) J.J. Sm. 1907
Bulbophyllum campanulatum [Rolfe] Rolfe 1909
Cirrhopetalum campanulatum Rolfe 1910
กล้วยไม้สิงโตพัดเหลือง Bulbophyllum auratum (http://en.wikipedia.org/) |
การเพาะปลูก :
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น
กล้วยไม้ถูกค้นพบในปี :
กล้วยไม้ถูกค้นพบโดย :
กล้วยไม้สิงโต
พบในป่าที่ความสูง 100 ถึง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลำลูกกล้วยห่างกันประมาณ 1 ถึง 2 เซนติเมตร เจริญเติบโตทางด้านข้าง แต่ละลำลูกกล้วยจะมีใบเพียงใบเดียว เมื่อมันอายุมากมันจะทิ้งใบแล้วทำหน้าที่สะสมอาหาร
กล้วยไม้ชนิดนี้มีหลากหลายพันธุ์ย่อย (Variants) เช่น สิงโตพัดโบกแดง สิงโตพัดโบกเหลือง สิงโตพัดโบกชมพู
ลักษณะดอกกล้วยไม้สิงโต
มีลักษณะเป็นเหมือนร่ม กลีบเลี้ยงคู่ข้างมีลักษณะช่อดอกยาวกระมาณ 15 ซม. ออกดอกเป็นกลุ่ม 1 กลุ่มต่อช่อ เป็นแท่งยาวเชื่อมติดกัน มีกลีบปากขนาดเล็ก--สามารถขยับขึ้นลงได้ กลีบเลี้ยงบนและกลีบดอกมีขนาดเล็ก ที่ปลายยอดเหล่านั้นมีขนอยู่เล็กน้อย
การเพาะปลูกกล้วยไม้สิงโต
กล้วยไม้ต้องการสภาพอากาศที่อบอุ่น ความร้อนไม่เป็นปัญหาต่อกล้วยไม้ แต่กล้วยไม้สัมผัสแสงแดดโดยตรงไม่ได้ กล้วยไม้ต้องการความชื้นสูง 80% การเลี้ยงกล้วยไม้ในที่ๆมีลมพัดผ่านจะช่วยลดปัญหาเรื่องเชื้อราได้ วัสดุในการปลุกจะเป็นพวกกาบมะพร้าว ขุยมะพร้าว หรือสแฟกนั่มมอส ความแฉะเป็นอันตรายต่อกล้วยไม้
กล้วยไม้สิงโตพัดโบกแดง (http://www.orchidspecies.com) |
กล้วยไม้สิงโตพัดโบกเหลือง (http://www.orchidspecies.com) |
กล้วยไม้สิงโตพัดโบกชมพู (http://www.orchidspecies.com) |