กล้วยไม้สิงโตก้ามปูใหญ่ Bulbophyllum macranthum Lindley 1844

รูปกล้วยไม้สิงโตก้ามปูใหญ่
(http://www.orchidspecies.com/)
ชื่ออื่นๆ : The Large Flowered Bulbophyllum
Sarcopodium macranthum Lindley 1850-1
Phyllorchis macrantha (Lindl.) Kuntze
Sarcopodium purpureum Rchb.f 1859;
Bulbophyllum purpureum Náves in F.M.Blanco 1880
Bulbophyllum cochinchinense Gagn. 1950
Bulbophyllum patens Auct. no King ex Hkr. Gagn. 1951
Carparomorchis macrantha (Lindl.) M.A.Clem. & D.L.Jones 2002

ถิ่นกำเนิด : ไทย, มาเลเซีย, เวียดนาม, ปาปัวนิวกินี, และบอร์เนียว
การเพาะปลูก :
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น
กล้วยไม้ถูกค้นพบในปี : 1850
กล้วยไม้ถูกค้นพบโดย : John Lindley


กล้วยไม้สิงโต
       พบในป่าร้อนชื้นที่ระดับความสูง 700 ถึง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กล้วยไม้ชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกับ Bulbophyllum praetervisum มาก ข้อแตกต่างคือ ปลายของกลีบเลี้ยงคู่ล่างของกล้วยไม้สิงโตก้ามปูใหญ่จะติด หรือทำมุมแหลมกว่า ส่วน Bulbophyllum praetervisum จะมีปลายของกลีบเลี้ยงคู่ล่างที่แยกออกจากกัน
       ลำลูกกล้วยรุปไข่อยู่ห่างกัน มีใบเพียง 1 ใบ เหง้ามีขนเล็กน้อย


ภาพวาดกล้วยไม้สิงโตก้ามปูใหญ่
(http://upload.wikimedia.org/)
ลักษณะดอกกล้วยไม้สิงโต
       ออกดอกเดี่ยว ดอกมีลักษณะคว่ำลง มีขนาดประมาณ 5 ซม. ปลายกลีบเลี้ยงคู่ข้างบนจะติดกับ ส่วนกลีบเลี้ยงล่างและกลีบดอกมีสีและลักษณะคล้ายกัน มีพื้นผิวสีเหลืองอ่อน มีลายจุดสีแดงเข้มอยู่ทั่วกลีบเลี้ยงเและกลีบดอก

การเพาะปลูกกล้วยไม้สิงโต
       กล้วยไม้สิงโตก้ามปูใหญ่ต้องการอุณหภูมิค่อนข้างสูง แต่ไม่สัมผัสแดดโดยตรง นำกล้วยไม้ไว้บริเวณที่มีร่มเงาต้นไม้ใหญ่ตลอดวัน กล้วยไม้ต้องการความชื้นสูง 80% ขึ้นไป ในฤดูหนาวควรลดการรดน้ำ--ลดความชื้นให้เหลือ 60%  หากบริเวณนั้นมีลมพัดผ่านดี จะช่วยหลีกเลี่ยงการเจริญเติบโตของเชื้อราได้
       วัสดุที่ใช้ปลูกคือกาบมะพร้าม ยัดใส่หลวมๆ หรือใช้สแฟกนั่มมอส