กล้วยไม้เอื้อง Miltoniopsis vexillaria Orchid

กล้วยไม้เอื้อง Miltoniopsis vexillaria
(http://en.wikipedia.org/)
ชื่ออื่นๆ : Miltonia vexillaria, Odontoglossum vexillarium, Pannsy orchids
ถิ่นกำเนิด : โคลัมเบีย เอกวาดอร์
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : หนาวเย็น

       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบในปี 1866 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่มักพบบริเวณริมป่าที่มีระดับความสูงถึง 2,500 เมตร ใบกล้วยไม้มีสีเขียวซีด ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกยาว 30 เซนติเมตร แต่ละช่อมีดอกอย่างหนาแน่น--ประมาณ 4 ถึง 9 ดอก ดอกมีขนาด 5 ถึง 10 เซนติเมตร สีของดอกกล้วยไม้มีหลากหลาย ส่วนใหญ่จะมีสีขาวและชมพู มีกลีบปากสีเหลือง กล้วยไม้ออกดอกตลอดปี








กล้วยไม้เอื้อง Miltoniopsis vexillaria
(http://www.orchidspecies.com/)

       กล้วยไม้ชนิดนี้มักถูกนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นๆ

       กล้วยไม้ชนิดนี้ทนความหนาวเย็นได้ดีแม้ว่าสภาพอากาศ 0 องศาเซียลเซส--ไม่ตายแต่ไม่เติบโต อุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ควรต่ำกว่า 10 องศา










กล้วยไม้เอื้อง Miltoniopsis vexillaria
(www.flickr.com)

       กล้วยไม้ต้องการความชื้นสูง โดยเฉพาะบริเวณรอบๆราก อาจใช้สแฟกนั่มใส่ไว้บริเวณรอบๆราก

กล้วยไม้เอื้อง Miltonia regnellii Orchid

รูปกล้วยไม้ Miltonia regnellii
(http://www.orchidspecies.com/)
ชื่ออื่นๆ : Oncidium reguellii
ถิ่นกำเนิด : บราซิล
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง - อบอุ่น

       กล้วยไม้ถูกค้นพบในปี 1846 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่เติยโตในป่าร้อนชื้นในประเทศบราซิล กล้วยไม้มักเกาะอาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้ กล้วยไม้มีลำลูกกล้วยประมาณ 10 เซนติเมตร ช่อดอกชี้ขึ้นแล้วโค้งลงดิน ช่อดอกยาว 40 เซนติเมตร แต่ละช่อมีดอกประมาณ 5 ถึง 10 ดอก ดอกมีกลิ่นหอมและมีสีสันที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะมีสีขาวและเหลือง กลีบปากสีชมพูหรือม่วงไวโอเล็ท ออกดอกตลอดปี








รูปกล้วยไม้ Miltonia regnellii
(http://www.orchidboard.com/)

       กล้วยไม้ชนิดนี้กลูกได้ดีในกระถางไม้ มันเติบโตได้ดีหากมีความชื้นในอากาศสูง ดังนั้นควรใช้สแฟกนั่มเป็นวัสดุในการปลูก

       หากสภาพอากาศระหว่างกลางวันและกลางคืนมีค่าต่างกันไม่มาก จำทำให้กล้วยไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดี











       กล้วยไม้เจริญเติบโตที่ระดับความสูง 300 ถึง 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลำลูกกล้วยเป็นรูปไข่ มักออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน--หากกล้วยไม้อุดมสมบูรณ์ มันจะออกดอกได้ตลอดปี

       น่าแปลกที่กล้วยไม้สกุล Miltonia ไม่จัดอยู่ในกลุ่มกล้วยไม้พันธุ์ผสมสกุล Miltoniopsis ทั้งๆที่มันมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่ใกล้เคียงกันมาก คุณสามารถพบเห็นกล้วยไม้พันธุ์ผสมได้เช่น Milpasia--เกิดจากการผสมระหว่าง Aspasia และ Miltada

กล้วยไม้สายพันธุ์ผสม x Miltassia Orchid

กล้วยไม้สายพันธุ์ Mtssa. Shelob 'Tolkien'
ชื่ออื่นๆ : พันธุ์ผสม
ถิ่นกำเนิด : เกิดจากสกุล Brassia ผสมกับสกุล Miltonia
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต :

       การผสมกล้วยไม้สกุล Brassia กับสกุล Miltonia จะได้กล้วยไม้สกุลใหม่ คือ สกุล Miltassia ลักษณะดอกจะมีเหมือนกล้วยไม้สกุล Miltoniopsis แต่ว่ากล้วยไม้สกุลนี้จะมีความเหมาะสมที่จะปลูกที่บ้านมากกว่า---ทนสภาพอากาศร้อนได้ดีกว่า ดอกมีสีม่วงไวโอเล็ท สีม่วง สีโทนดำ(ดังรูปด้านขวามือ) และสีชมพู

       กล้วยไม้สกุลนี้มักปลูกในกระถางพลาสติก เป็นกล้วยไม้ที่ต้องการแสงแดดน้อย ความชื้นในอากาศประมาณ 70% ถ้ากล้วยไม้ได้รับแสงแดดมาก ใบจะมีสีแดง ถ้าหากแสงไม่เพียงพอ ใบจะมีสีเขียวเข้ม ออกดอกในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ ก่อนกล้วยไม้จะออกดอก(ช่วงฤดูหนาว) มันจะเกิดใบใหม่--ควรหยุดการให้น้ำ(หรือให้น้ำน้อยลง)



ลักษณะต้นกล้วยไม้สกุล Miltassia
(http://www.orchidboard.com/)

       กล้วยไม้สกุล Miltassia ซึ่งนำไปผสมพันธุ์กล้วยไม้ให้ได้สกุลใหม่ เช่น

สกุล Aliceara -- มาจากสกุล Miltassia ผสมกับสกุล Oncidium

สกุล Beallara -- มาจากสกุล Miltassia ผสมกับสกุล Cochlioda x Odontoglossum

กล้วยไม้ 2 สกุลดังกล่าว เหมาะในการนำมาปลูกที่บ้าน

กล้วยไม้เอื้อง Maxillaria picta Orchid

ชื่ออื่นๆ : Maxillaria leucocheile, Maxillaria fuscata, Maxillaria kreysigii, Maxillaria rupestris
ถิ่นกำเนิด : ประเทศบราซิล
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง


กล้วยไม้เอื้อง Maxillaria picta
(http://www.orchid-nord.com)
       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกเขียนอธิบายไว้ในปี 1832 โดย William Hooker เป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตบนต้นไม้และบนหน้าผาหน้าโขดหิน ลำลูกกล้วยเจริญเติบโตเป็นแพร ลำลูกกล้วยพัฒนาใบที่ยาวถึง 50 เซนติเมตร ช่อดอกแทงยอดออกจากฐานของลำลูกกล้วย ช่อดอกยาวประมาณ 15 เซนติเมตร มักออกดอกเป็นดอกเดี่ยว ดอกมีสีเหลือง มีกลิ่นหอม--ส่งกลิ่นประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวัน









รูปดอกกล้วยไม้ Maxillaria picta
(http://www.orchidspecies.com/)
รูปดอกกล้วยไม้ Maxillaria picta
(http://en.wikipedia.org/)
       นิยมปลูกกล้วยไม้ชนิดนี้ไว้ในประถางที่ใช้สแฟกนั่ม เป็นกล้วยไม้ที่เติบโตดีในสภาพอากาศร้อน แต่ว่าทนความเย็นได้พอสมควร--แม้ว่าอุณหภูมิจะต่ำถึง 10 องศา กล้วยไม้จะออกดอกในฤดูหนาว

กล้วยไม้เอื้อง Masdevallia veitchiana Orchid

ชื่ออื่นๆ :
ถิ่นกำเนิด : เปรู
การเพาะปลูก : ค่อนข้างยาก - ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : เย็น

       กล้วยไม้ถูกค้นพบในปี 1867 ส่วนใหญ่ของกล้วยไม้ชนิดนี้จะเจริญเติบโตตามรอยแตกของหิน ในโพรงต้นไม้ บนโขดหิน บนหน้าผาและบนดิน แต่ก็มีบ้างที่อิงอาศัยอยู่กับต้นไม้ พบกล้วยไม้ชนิดนี้ที่ประเทศเปรู โดยเฉพาะรอบๆ"เมืองสาบสูญแห่งอินคา"--ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เป็นหนึ่งในกล้วยไม้ที่มีการเติบโตในที่ระดับความสูง--ที่สูง 2,000 ถึง 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีใบที่หนา ยาว 40 เซนติเมตร ออกดอกเดี่ยว ช่อดอกโค้งลง ดอกมีขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร และสูง 15 เซนติเมตร








       ส่วนใหญ่นิยมใช้สแฟกนัมในการปลูก เนื่องจากกล้วยไม้ชนิดนี้ต้องการความชื้นสูง และต้องการแสงแดดมาก--ปลูกกลางแจ้ง มันเป็นกล้วยไม้ที่เลี้ยงยากเนื่องจากมันไม่ทนต่ออุณหภูมิที่สูงกว่า 22 องศา ถ้าเอากล้วยไม้ชนิดนี้มาปลูก ต้องเปิดพัดลมให้มัน หรือไม่ก็ต้องเลี้ยงในห้องแอร์

*ในประเทศร้อนเช่นประเทศไทย กล้วยไม้ชนิดนี้คงหาดูได้ยาก... หรือหาดูไม่ได้เลย

กล้วยไม้เอื้อง Ludisia discolor Orchid | สกุลว่านน้ำทอง

ชื่ออื่นๆ : Haemaria discolor, Ludisia furetii
ลักษณะของดอกกล้วยไม้
(www.orchidspecies.com)
ถิ่นกำเนิด : จีน อินเดีย พม่า มาเลเซีย
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานปลาง - อบอุ่น

กล้วยไม้ถูกบรรยายไว้ในปี 1818 เป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตอยู่บนพื้นดิน บ่อยครั้งที่พบอยู่บนหิน มักพบในบริเวณที่ใกล้กับลำน้ำ เติบโตในป่าดิบชื้น ป่าชายเลน ที่ระดับความสูง 70 ถึง 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล







ภาพกล้วยไม้ที่อยู่ในกระถาง
(www.repotme.com)
ใบกล้วยไม้มีสีเขียวเข้ม ส่วนหลังใบมีสีแดงเข้ม บนใบมีเส้นสีที่เห็นได้ชัดเจน ใบมีขนาด 7 ถึง 10 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อตั้งตรง ช่อดอกยาว 10 ถึง 30 เซนติเมตร แต่ละช่อดอกมีดอกประมาณ 10 ถึง 15 ดอก ดอกมีขนาดเล็กและมีกลิ่นหอม บานทนนานประมาณ 2 ถึง 3 สัปดาห์



กระถางที่ใช้ในการปลูกส่วนใหญ่จะเป็นทรงกว้างมากกว่าทรงสูง--เนื่องจากกล้วยไม้เจริญเติบโตทางด้านข้าง ส่วนวัสดุที่นิยมนำมาใช้ปลูก คือ ดิน 50% และเปลือกไม้อีก 50% ปลูกกล้วยไม้ไว้ในร่ม ถ้ากล้วยไม้ถูกแดดมากเกินไป ใบเป็นสีแดง กล้วยไม้ต้องการความชื้นสูงตลอดไป มันทนสภาพอากาศได้หลากหลายพอสมควร ในฤดูร้อนกล้วยไม้อาจทนความร้อนได้สูงถึง 35 องศา ส่วนในฤดูหนาวกล้วยไม้ทนได้ในอุณหภูมิ 5 องศา




กล้วยไม้
(th.wikipedia.org)
กล้วยไม้ชนิดนี้ง่ายต่อการเพาะปลูก คือ ตัดส่วนของลำต้นที่มีใบ 3 ถึง 4 ใบแล้วนำไปปักลงดิน ไม่นานมันจะเกิดรากขึ้นแล้วเจริญเติบโตต่อไป

กล้วยไม้เอื้อง Lophiaris lanceana Orchid

ชื่ออื่นๆ : Trichocentrum lanceana
ถิ่นกำเนิด : เวเนซุเอลา, บราซิล, ฝรั่งเศษ(เฟรนช์เกียนา), ตรินิแดด
การเพาะปลูก : ค่อนข้างยาก ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น

ดอกกล้วยไม้เอื้อง Trichocentrum lanceana
(http://www.orchidspecies.com
/)
       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกบรรยายไว้ในปี 1836 โดยนักกล้วยไม้ผู้โด่งดัง ชื่อ John Lindley. เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่แทบจะมองไม่เห็นลำต้น(ลำลูกกล้วย) ใบกล้วยไม้มีขนาด 30 ถึง 50 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกจะชี้ขึ้นด้านบน ช่อดอกยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ดอกมีสีแดงเข้ม-น้ำตาล เหลือง แต่กลีบปากมีสีชมพูที่เด่นชัด









       นิยมปลูกกล้วยไม้ไว้ในกระถางพลาสติก เป็นกล้วยไม้ที่ชอบการอยู่ในร่ม และต้องการความชื้นมากกว่า 80% ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงพักตัว(ประมาณ 3 สัปดาห์) เพื่อเริ่มการออกดอก รักษาสภาพอากาศให้คงที่ ไม่ควรมีอุณหภูมิต่ำกว่า 17 องศา



       ภายหลังจากเลิกใช้สกุลนี้--ที่สร้างขึ้นในปี 1838 มันถูกย้ายไปเป็นกล้วยไม้สกุล Oncidium เนื่องจากกล้วยไม้ชนิดนี้มีลำลูกกล้วยที่เล็ก และมีใบเหนียว

กล้วยไม้สายพันธุ์(หวาย) Dendrobium unicum Orchid

ชื่ออื่นๆ : Unique Dendrobium
ถิ่นกำเนิด : ไทย ลาว
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น

       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบในช่วง 1970 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยอยู่บนต้นไม้อื่นที่อยู่ในป่าเขตร้อน ลำต้นจะยืดยาวออก แล้วมีกาบบางๆหุ้มลำต้น ดอกแทงยอดออกจากลำต้น--เป็นกล้วยไม้ที่ไม่เหมือนกล้วยไม้ชนิดอื่น มันจึงได้ชื่อว่า Unique Dendrobium มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีส้ม กลีบปากมีลักษณะเป็นท่อ เมื่อดอกบานเต็มที่ จะเหมือนนิ้วมือ และมีกลิ่นหอม




       กล้วยไม้หวายชนิดนี้ปลูกเหมือนกล้วยไม้สกุลหวายทั่วไป ปลูกในกระถางดินเผา กระถางไม้ หรือผูกไว้กับต้นไม้ กล้วยไม้ต้องการแสงแดดมาก และต้องการความชื้นมากกว่า 70 เปอร์เซ็น ในฤดูใบไม้ร่วง กล้วยไม้ชนิดนี้จะทิ้งใบจนหมด ซึ่งเป็นช่วงพักตัวของกล้วยไม้ ในช่วงนี้ควรรักษาความชื้นไว้ เพื่อไม่ให้ลำลูกกล้วยแห้งตาย


       กล้วยไม้อีกชนิดที่เหมือนกล้วยไม้ชนิดนี้ คือ กล้วยไม้สกุลหวาย Dendrobium arachnites ซึ่งเจริญเติบโตในประเทศพม่า มีวิธีการปลูกเลี้ยงและขยายพันธุ์เหมือนๆกัน

กล้วยไม้สายพันธุ์ Disa uniflora Orchid

ชื่ออื่นๆ : Disa grandiflora, Satyriom grandiflorum
ถิ่นกำเนิด : แอฟริกาใต้
การเพาะปลูก : ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : เย็น

       เป็นกล้วยไม้ที่ถูกบรรยายไว้ในช่วงยุค ค.ศ. 1800 เป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตบนก้อนหินหรือบนดิน พบตามริมแม่น้ำ เจริญเติบโตที่ระดับความสูง 800 ถึง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ใบและช่อดอกเจริญเติบโตมาจากเหง้า ดอกมีสีชมพู แดง ส้ม และมีลายสีเหลือง
















       กล้วยไม้ดินชนิดนี้ไม่ทนทั้งความร้อนและความเย็น หากจะนำมาเลี้ยง จำเป็นต้องสร้างโรงเรือนที่ควบคุมอุณหภูมิได้ ช่วงที่ร้อนที่สุด อุณหภูมิไม่ควรเกิน 20 องศา การปลูกกล้วยไม้ชนิดนี้ ต้องใช้ดินที่มีการระบายน้ำที่ดีมาก เพราะรากเน่าง่าย และน้ำต้องสะอาดอย่างมาก

กล้วยไม้สายพันธุ์ Phalaenopsis pulcherrima Orchid

ชื่ออื่นๆ : Doritis pulcherrima, Phalaenopsis esmeralda (กล้วยไม้สกุลม้าวิ่ง และสกุลฟาแลนนอปซิส)
ถิ่นกำเนิด : จีน ำม่า มาเลเซีย เวียดนาม เกาะสุมาตรา
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น


รูปภาพกล้วยไม้ จาก orchidspecies.com
       เป็นกล้วยไม้ที่เติบโตทั้งบนต้นไม้ บนโขดหิน หรือแม้แต่บนดิน มักขึ้นในบริเวณที่ชื้นสูง ที่มีมอสปกคลุมหนาแน่น ใบมีความอุดมสมบูรณ์และเหนียว สีของใบจะมีสีม่วงปะปนมานิดๆ ออกดอกเป็นช่อ ดอกมีหลากหลายสี เช่น สมพู ม่วง หรือสีส้ม มีกลีบปากสีเหลืองอ่อน

       อุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 16 องศา และความชื้นควรมากกว่า 70 เปอร์เซ็น






รูปภาพกล้วยไม้ จาก wikipedia.org



กล้วยไม้สายพันธุ์ Dracula chimaera Orchid

ชื่ออื่นๆ : Dracula orchid "little dragon"
ถิ่นกำเนิด : โคลัมเบีย
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : เย็น

       เป็นกล้วยไม้ที่ถูกค้นพบในปี 1870 โดย Benedict Roezl กล้วยไม้เติบโตที่ความสูง 1,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่ก่อนถูกจัดในสกุล Masdevallia แต่ช่วงหลังเปลี่ยนสกุลมาเป็น Dracula--เป็นสกุลใหม่ทีเกิดขึ้นในปี 1978. เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยขนาดเล็กที่เติบโตบนต้นไม้ ออกดอกเดี่ยว ช่อดอกเอนอ่อนเล็กน้อย ดอกมีสีน้ำตาล และมีขน ดอกมีกลิ่น









       กล้วยไม้ชนิดนี้มีวิธีการปลูกเหมือนกล้วยไม้ๆกันในสกุลเดียวกัน ปลูกได้หลายวิธี กล้วยไม้ต้องการแสงแดดมากพอสมควร ใช้ซาแลนกรองแสง และควรมีความชื้น 70 ขึ้นไป อากาศระบายได้ดี


       หลักการในการผสมเกสรยังไม่ค่อยเป็นที่เข้าใจนัก หน้าตาของดอกกล้วยไม้ก็ไม่ได้ดึงดูดแมลง ในขณะที่กลีบปากเคลื่อนที่ได้เมื่อมีแมลงมาเกาะ--ราวกับว่ามันหลบแมลง

กล้วยไม้สายพันธุ์ Epidendrum ciliare Orchid

ชื่ออื่นๆ : Auliza ciliaris, Epidendrum viscidum
ถิ่นกำเนิด : บราซิล เม็กซิโก หมู่เกาะแอนทิลลีส กายอานา
การเพาะปลูก : ... ไม่ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น

       ค้นพบโดย Charles Plumier ในปี 1703. เป็นหนึ่งในกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักในช่วงแรกๆของชาวอเมริกัน เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่เจริญเติบโตในเขตร้อนเกือบทุกที่--บนต้นไม้ ในสวน เติบโตที่ความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในอเมริกากลางมันถูกจัดให้เป็นพืชที่ไม่ใช่กล้วยไม้ ลำต้นของกล้วยไม้จะสร้างช่อดอก ดอกมีสีขาวและเขียว มีกลิ่นหอม








       กล้วยไม้ชนิดนี้ง่ายต่อการปลูก ต้องการแสงแดดมาก อุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 15 องศา โดยทั่วไปกล้วยไม้ชนิดนี้จะออกดอกหลายครั้งต่อไป---ออกดอกตลอดปี

กล้วยไม้ชนิด Epidendrum ibaguense Orchid

ชื่ออื่นๆ : -
ถิ่นกำเนิด : โคลัมเบีย บราซิล เวเนซุเอลา
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง

       ค้นพบกล้วยไม้ชนิดนี้ในปี 1816 โดย Alexander von Humboldt และ Aime Bonpland พบกล้วยไม้ชนิดนี้ขึ้นอยู่ข้างทางใกล้เมือง Ibague--โคลัมเบีย เป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตเป็นกลุ่มในทุ่งหญ้า ลักษณะเหมือนต้นไผ่ ออกดอกเป็นกระจุก ออกดอกสีส้ม ชมพู หรือแดง





       มักปลูกกล้วยไม้ชนิดนี้ในกระถางที่มีการระบายน้ำได้ดี เป็นกล้วยไม้ที่ต้องการแสงแดดมาก--ปลูกตากแดดได้เลย ตอนกลางคืนต้องการความเย็น แต่ไม่ควรเย็นกว่า 17 องศา


       กล้วยไม้ชนิดนี้มักจะสับสนกับกล้วยไม้อีกชนิด คือ Epidendrum radicans ซึ่งเป็นกล้วยไมที่พบในอเมริกากลาง--พบตามขอบถนนเช่นกัน

กล้วยไม้เอื้อง Laelia cinnabarina Orchid

ชื่ออื่นๆ : Sophronitis cinnabarina, Bletia cinnabarina, Cattleya cinnabarina.
ถิ่นกำเนิด : บราซิล
การเพาะปลูก : ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง

       กล้วยไม้ถูกบรรยายในปี ค.ศ. 1836 โดย John Lindley กล้วยไม้ชนิดนี้เป็นกล้วยไม้ที่เติบโตบนหิน (ไม่ใช่อิงอาศัยบนต้นไม้) ถูกพบบนเขาที่ระดับความสูง 300 ถึง 500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล(ลำลูกกล้วย) มีลำต้นที่เหนียว ตั้งตรงยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ช่อดอกมีความยาวถึง 30 เซนติเมตร แต่ละช่อมีดอกประมาณ 10 ดอก ดอกมีสีส้ม เส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เซนติเมตร ออกดอกในฤดูร้อน







       กล้วยไม้ชนิดนี้นิยมปลูกในกระถางไม้ ใช้สแฟกนัมหรือใยมะพร้าวใส่กระถาง กล้วยไม้ต้องการแดด 4 ถึง 5 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้กล้วยไม้ออกดอก และจำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ โดยที่กลางคืนมีอุณหภูมิประมาณ 13 ถึง 15 องศา ส่วนกลางวันมีอุณหภูมิ 18 ถึง 24 องศา ความชื้นมากกว่า 70 เปอร์เซ็น--ยกเว้นในช่วงฤดูหนาว ควรลดระดับความชื้นลง

       มีกล้วยไม้สายพันธุ์ผสมมากมายที่มาจาก สกุล Laelia และสกุล Laeliocattleya ส่วนใหญ่จะให้สีส้ม

กล้วยไม้สกุลแคทลียา สายพันธุ์ anceps | Cattleya anceps Orchid

ชื่ออื่นๆ : Laelia anceps, Bletia ancepe
ถิ่นกำเนิด : เม็กซิโก ฮอนดูรัส กัวเตมาลา
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต :


       ผู้เชียวชาญด้านต้นไม้ นามว่า "John Lindley" ได้บรรยายลักษณะกล้วยไม้ชนิดนี้ไว้ในปี ค.ศ. 1835 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่มีลำลุกกล้วยยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ฐานของลำลูกกล้วยจะพัฒนาช่อดอกออกมา ช่อดอกโค้งเล็กน้อย ช่อดอกยาวถึง 1 เมตร ออกดอกเป็นกลุ่ม แต่ละช่อดอกมีดอกหลายดอก ดอกมีสีชมพู-ม่วง ในธรรมชาติมักพบกล้วยไม้ชนิดนี้เกาะอยู่บนต้นสน--พบทั้งอยู่บริเวณที่มีร่มไม้และบริเวณกลางแจ้ง--นี้ทำให้ใบและลำต้นมีสีแดงข้มเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอุปสักต่อการปลูกเลี้ยง




       กล้วยไม้แคทลียาชนิดนี้มักเกาะ การนำกล้วยไม้มาปลูกจึงนิยมใช้เปลือกไม้เป็นวัสดุปลูก ต้องการแสงแดดมาก ความชื้นไม่ควรต่ำกว่า 70% ออกดอกในฤดูหนาว เป็นกล้วยไม้ที่ทนทานต่อความร้อนได้ดี

       ตามป่าตามธรรมชาติ กล้วยไม้ชนิดนี้มีชนิดย่อยอีกหลากหลายสายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ๆเจริญเติบโต บางชนิดย่อย มีดอกสีขาว-น้ำตาล บ่อยครั้งที่กล้วยไม้ชนิดนี้ผสมกับสกุลแคทลียา

กล้วยไม้สายพันธุ์ Gongora grossa Orchid

ชื่ออื่นๆ :
ถิ่นกำเนิด : โคลัมเบีย เวเนซุเอลา
การเพาะปลูก : ค่อนข้างยาก - ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง-อบอุ่น


       พบกล้วยไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตในป่าฝนเขตร้อน ที่ระดับความสูง 50 ถึง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นกล้วยไม้ที่มีลำลูกกล้วยใหญ่ แต่ละลำลูกกล้วยมีใบ 2 ใบ ออกดอกเป็นช่อ ช้อดอกเกิดจากฐานของลำลูกกล้วย ช่อดอกจะย้อยลงยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ดอกมีพื้นสีเหลืองและมีลายสีแดง





       เนื่องจากกล้วยไม้ชนิดนี้มีช่อดอกที่ย้อยลง นิยมปลูกกล้วยไม้ชนิดนี้ไว้ในกระถางไม้หรือกระถางพลาสติกแล้วห้อยไว้ ความชื้นควรมากกว่า 70 เปอร์เซ็น รากกล้วยไม้ชนิดนี้มักแห้งเร็ว--แล้วตาย หากรดน้ำสม่ำเสมอ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องรากแห้ง จะออกดอก 2 ครั้งต่อปี




กล้วยไม้สกุล Epidendrum pseudepidendrum Orchid

ชื่ออื่นๆ : Pseudepidendrum spectabile
ถิ่นกำเนิด : ประเทศปานามาและคอสตาริกา
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง

       ลำต้นกล้วยไม้มีลักษณะตั้งตรงซึ่งยาวถึง 1.5 เมตร มีช่อดอกเจริญจากตาบนลำต้น สามารถออกดอกได้ตลอดปีหากกล้วยไม้สมบูรณ์แข็งแรง ในตอนแรกกล้วยไม้ชนิดนี้ถูกตั้งชื่อว่า Pseudepidendrum spectabile ก่อนที่มันจะถูกย้ายไปเป็นกล้วยไม้สกุล Epidendrum

       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกบรรยายไว้ในปี 1852 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่มีขนาดใหญ่ มีใบที่ยาวมาก ออกดอกเป็นกระจุก ดอกมีขนาด 6 ถึง 8 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีสีเขียว แต่กลีบปากมีสีเหลืองและแดง และมีขอบที่ย่น พบกล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ตามธรรมชาติที่มีความสูงไม่เกิน 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล



       เนื่องจากกล้วยไม้ชนิดนี้มีขนาดใหญ่ จึงนิยมปลูกไว้ในกระถางใหญ่ๆ กล้วยไม้ต้องการแสงแดดมาก แต่ต้องใช้ซาแลนกรองแสงไว้ และต้องการความชื้นที่สูง

กล้วยไม้สายพันธุ์เอื้องคำฝอย | Dendrobium brymerianum Orchid

ชื่ออื่นๆ : Callista brymerana
ถิ่นกำเนิด : มาเลเซีย ลาว ไทย
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ป่านกลาง - อบอุ่น

ดอกกล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium brymerianum
เอื้องคำฝอย
       ในปี 1872 ได้มีการค้นพบกล้วยไม้สายพันธุ์เอื้องคำฝอยที่ประเทศพม่า เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่เจริญเติบโตในป่าที่มีความสูง 1,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีลำลูกกล้วยเป็นทรงกระบอก ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ดอกมีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นกลุ่ม ช่อดอกหนึ่งๆจะมีดอกประมาณ 5 ดอก กลีบปากใหญ่ และจะมีขนยื่นออกมา เพื่อทำหน้าที่ล่อแมลง










ต้นกล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium brymerianum
เอื้องคำฝอย
       กล้วยไม้เอื้องคำฝอยนิยมปลูกในกระุถางที่มีขนาดใหญ่ เพราะกล้วยไม้มีการเจริญเติบโตแบบขยายออก กล้วยไม้สกุลหวายชนิดนี้ต้องการแสงแดดมากพอสมควร และความชื้นมากกว่า 70 เปอร์เซ็น และความชื้นสำหรับฤดูหนาวคือ 50 เปอร์เซ็น อุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 15 องศาตลอดปี














       ก่อนที่จะค้นพบกล้วยไม้สกุลสิงโตกลอกตา กล้วยไม้สกุลหวายเป็นกล้วยไม้ที่มีสายพันธุ์มากที่สุด ซึ่งมีมากกว่า 1,500 สายพันธุ์ และพันธุ์ผสมอีกมากมาย ทั้งในประเทศร้อนและหนาว

       ในปัจจุบัน กล้วยไม้สกุลสิงโตมีสายพันธุ์มากกว่า 2,000 สายพันธุ์ กลายเป็นพืชที่มีสายพันธุ์มากที่สุดในขณะนี้

ที่มา
http://www.orchidspecies.com/
http://www.wikimedia.org/

กล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium phalaenopsis Orchid

กล้วยไม้หวาย สายพันธุ์ฟาแลน
ชื่ออื่นๆ : Vappodes phalaenopsis, Dendrobium bigibbum, Dendrobium sumneri
ถิ่นกำเนิด : ประเทศกินี ประเทศปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง

        กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกบรรยายไว้ในปี 1852 เป็นทั้งกล้วยไม้อิงอาศัยและกล้วยไม้ที่เติบโตบนหิน มันสามารถเติบโตอยู่กลางที่แจ้งได้ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้ กล้วยไม้จะอาศัยในที่ร้อนและมีความชื้นสูง ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่มีอากาศแห้งแล้ง--กลางวันร้อน กลางคืนเย็น กล้วยไม้ชนิดนี้มีลำต้น(ลำลูกกล้วย)ที่ตั้งตรง ออกดอกเป็นช่อ แต่ล่ะช่อมีดอกประมาณ 20 ดอก ดอกมีสีม่วง ดอกมีลักษณะเหมือนดอกฟาแลน มันจึงได้ชื่อว่าเป็นหวายฟาแลน แต่กล้วยไม้ชนิดนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักพฤกษศาสตร์ เนื่องจากมันมีลักษณะฟอร์มและสีที่แตกต่างกันอย่างมาก มันจึงมีหลายชื่อเรียก

       กล้วยไม้ชนิดนี้นิยมปลูกกันทั่วไป อาจปลูกไว้ในกระถาง หรือมัดไว้กับต้นไม้ก็ได้ ต้องการแสงแดดมากพอสมควร--ถ้าแดดไม่เพียงพอ กล้วยไม้จะไม่ออกดอก มันทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดี ความชื้นไม่ควรต้ำกว่า 60 เปอร์เซ็นตลอดปี

*กล้วยไม้ชนิดนี้ เป็นสัญลักษณ์ของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

กล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium nobile Orchid

ชื่ออื่นๆ : Dendrobium coerulescens
ถิ่นกำเนิด : อินเดีย ไทย ลาว เวียดนาม
การเพาะปลูก : ปานกลาง
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : หนาว

       กล้วยไม้ถูกค้นพบโดย J.R. Reeves ในปี 1830 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่เจริญเติบโตที่ระดับความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลำลูกกล้วยของกล้วยไม้อาจสูงถึง 1 เมตร ออกดอกเป็นกลุ่ม ช่อดอกมีประมาณ 2-4 ดอก ดอกมีสีชมพูและสีเหลือง

       กล้วยไม้สกุลหวายเป็นกล้วยไม้ที่ปลูกง่าย มันทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถปลูกโดยใช้กาบมะพร้าวในกระถางหรือปลูกไว้บนต้นไม้ก็ได้ ในช่วงฤดูหนาวกล้วยไม้สกุลนี้มักมีการพักตัว--ควรลดการให้น้ำ หากให้น้ำในช่วงพักตัว มันจะทิ้งใบ

       สกุลหวาย ไม่ใช่เพียงแค่ปลูกเลี้ยงง่ายเท่านั้น แต่ยังเพาะพันธุ์ง่ายอีกด้วย

กล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium fimbriatum Orchid

ชื่ออื่นๆ : Callista fimbriatum, Dendrobium paxtonii
ถิ่นกำเนิด : เนปาล มาเลเซีย ไทย พม่า ลาว เวียดนาม
การเพาะปลูก : ค่อนข้างยาก - ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น

       กล้วยไม้เติบโตที่ความสูง 800 ถึง 2,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบที่บริเวณตีนเขาหิมะลัย เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่มีลำต้นตรง(ลำลูกกล้วย) มีช่อดอกที่ไม่ตรงนัก ออกดอกเป็นกระจุกขนาดใหญ่ และมีกลีบปากที่ใหญ่ ดอกมีสีเหลือง กลีบปากมีสีเหลืองและสีแดงเข้ม









       ลักษณะการปลูกเลี้ยง เหมือนหวายส่วนใหญ่ ต้องการความชื้นสูงกว่า 80 เปอร์เซ็น กล้วยไม้จะไม่ออกดอกหากอุณหภูมิต่ำ เป็นกล้วยไม้ที่ต้องการความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ควรรดน้ำในปริมาณมากในฤดูร้อน และรดน้ำในปริมาณที่น้อยในฤดูหนาวเนื่องจากเป็นระยะพักตัว กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกระบุว่าเลี้ยงยาก
















กล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium anosmum Lindley Orchid

ชื่ออื่นๆ : Dendrobium macrophyllum, Dendrobium superbum, Dendrobium macranthum
ถิ่นกำเนิด : ฟิลิปปิน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม... เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น

ดอกกล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium anosmum
       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกอธิบายโดย John Lindley ในปี 1845 เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่เติบโตในเมืองร้อน โดยขึ้นอยู่ตามกิ่งไม้ในป่า ใบอาจยาวถึง 25 ซม มีลำลูกกล้วยเป็นทรงกระบอก ยาวถึง 3 เมตร ช่อดอกแทงออกจากตาที่อยู่บนลำลูกกล้วย กลีบดอกและกลีบเลี้ยงมีสีชมพู กลีบปากมีสีชามพูเข้ม--หรือม่วง ดอกมีขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตร ดอกกล้วยไม้มีกลิ่นหอม

       กล้วยไม้ชนิดนี้เหมือนกล้วยไม้สกุลหวายส่วนใหญ่ ที่ปลูกในกระถางไม้หรือกระถางพลาสติก ต้องการแสงมาก และต้องการความชื้นมากกว่า 80 เปอร์เซ็น ช่วงที่กล้วยไม้จะออกดอก ควรลดอุณหภูมิลง หรือย้ายต้นกล้วยไม้ไปไว้ในที่ๆเย็นขึ้น


ดอกกล้วยไม้สายพันธุ์ Dendrobium anosmum


       กล้วยไม้สกุลหวาย เป็นกล้วยไม้ที่มีหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่นิยมปลูกเลี้ยงทั่วไป เพราะเลี้ยงง่าย ราคาถูก นิยมนำดอกไปไหว้พระ หรือนำไปจัด-ตกแต่งงานพิธีต่างๆ ดอกมีกลิ่นหอม









กล้วยไม้สกุล Cyrtorchis arcuata Orchid

ชื่ออื่นๆ : Listrostachys arcuata
ถิ่นกำเนิด : แอฟริกา แอฟริกาใต้
การเพาะปลูก : ยาก
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง

ดอกกล้วยไม้สกุล Cyrtorchis arcuata
ค้นพบในประเทศแอฟริกาใต้ในปี 1836 โดย J. F. Drege, เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่อยู่บนต้นไม้ในป่า มักพบอยู่บริเวณริมแม่น้ำ กล้วยไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่พบตามต้นไม้เท่านั้น แต่ยังถูกพบอยู่บนโขดหินซึ่งอยู่ท่ามกลางแสงแดดอีกด้วย เป็นกล้วยไม้ที่มีลำต้นหนา รากใหญ่ มีช่อดอกยาวประมาณ 20 เซนติเมตร แต่ละช่อดอกมีดอก 10 ดอกหรือมากกว่า ดอกมีสีขาวครีมและมีเดือยสีเขียว ดอกมีกลิ่นหอมในตอนกลางคืน






ต้นกล้วยไม้สกุล Cyrtorchis arcuata

กล้วยไม้ต้องการแสงแดดไม่มาก เติบโตในที่ร่มได้ดีกว่าที่กลางแจ้ง ต้องการความชื้น 80% ขึ้นไป เพื่อป้องกันรากแห้ง

กล้วยไม้สกุล Cyrtorchis ซึ่งมีสายพันธุ์เพียงมี 18 ชนิดที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน ( มิถุนายน 2014), เป็นกล้วยไม้พื้นเมืองของแอฟริกา