กล้วยไม้สายพันธุ์ Bulbophyllum lobbii Lindley Orchid

Bulbophyllum lobbii
ชื่ออื่นๆ : Sesrochilos uniflorum, Sarcopodium lobbii, Thailand BulbophyllumSumatran BulbophyllumLobb's Bulbophyllum

ถิ่นกำเนิด : อินโดนิเซีย, มาเลเซีย, ไทยแลนด์, พม่า
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : ปานกลาง - อบอุ่น

       ค้นพบกล้วยไม้สิงโตชนิดนี้ในปี 1846 โดยชาวพฤกษศาสตร์ ชื่อ Thomas Lobb เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่มีความสูงเพียง 8 ซม ออกดอกเป็นดอกเดียว ดอกมีสีเหลือง มีจุดสีแดงเข้ม ดอกมีขนาด 10 ซม ดอกมีกลิ่นแปลกๆ กล้วยไม้มักจะเจริญเติบโตในเขตเมืองร้อน พบที่ความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

       กล้วยไม้สิงโตชนิดนี้มักปลูกในกระถางดินหรือกระถางไม้ ผสมกับกาบมะพร้าว เป็นกล้วยไม้ที่ต้องการแสงสว่างมาก แต่หลีกเลี้ยงการสัมผัสกับแดดโดยตรง กล้วยไม้ชนิดนี้มักเอาแต่ใจ และจะไม่ออกดอกหากความชื้นไม่เพียงพอ กล้วยไม้สิงโตชนิดนี้ต้องการความชื้นมากกว่า 80% แต่เมื่อเข้าฤดูหนาว ควรลดความชื้นลงให้เหลือ 50% การระบายอากาศที่ดี จะช่วยให้กล้วยไม้ออกดอกได้

       กล้วยไม้สายพันธุ์ Bulbophyllum lobbii เป็นญาติที่ใกล้ชิดกับ Bulbophyllum polystictum (สิงโตกลีบบิด, พญาสิงโตและสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมาก

       กล้วยไม้สกุล Bulbophyllum มีมากกว่า 2,000 ชนิด ที่ถูกขึ้นทะเบียนไว้ ปกติกล้วยไม้สิงโตจะไม่เป็นที่นิยมของนักเลี้ยงกล้วยไม้ เนื่องจากดอกของมันมีขนาดเล็ก กล้วยไม้สิงโตบางชนิด มีแมลงวันเป็นผู้ผสมเกสรให้ ดังนั้นกล้วยไม้สิงโตบางชนิดจะมีกลิ่นเหม็นเน่า กล้วยไม้สิงโต
ตามธรรมชาติ กล้วยไม้ชนิดนี้จะอิงอาศัยอยู่กับต้นไม้อื่น อยู่บริเวณกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ ไม่เจริญเติบโตที่กลางแจ้ง พบกล้วยไม้ชนิดนี้ในป่าเขตร้อนชื้นที่ระดับความสูง 200 ถึง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล


(เขียนซ้ำซ้อน, ลืมไปว่าเขียนไปแล้ว)
การเพาะปลูกกล้วยไม้สิงโต
       เลี้ยงกล้วยไม้ในบริเวณที่อากาศอบอุ่น(อันนี้น่าจะไม่ใช่ปัญหาในประเทศไทย) ต้องการความชื้นสูงโดยเฉพาะฤดูร้อน ส่วนในฤดูหนาวควรลดระดับความชื้นลงมา เนื่องจากเป็นระยะพักตัวของกล้วยไม้ บริเวณที่ปลูกควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก การปลูกนั้นควรใช้กระถางที่ระบายน้ำดี ใช้กาบมะพร้าวหรือสแฟกนั่มมอสเป็นเครื่องปลูก

http://www.orchidspecies.com