กล้วยไม้ พืชที่อาศัยโดยไม่มีดิน

       เพื่อที่จะอยู่ได้โดยไม่มีดิน รากของกล้วยไม้จึงมีเนื้อเยื่อมากกว่าปกติ ซึ่งสามารถดูดซับน้ำไว้ได้มาก รากกล้วยไม้จะมีขนาดใหญ่และมีความอุดมสมบูรณ์ กล้วยไม้ชนิดที่เติมโตกลางแสงแดดที่จัด จะมีลักษณะใบที่เรียวแหลม เพื่อลดอัตราการคายน้ำ ในทางกลับกัน กล้วยไม้ที่เติบโตในที่แสงน้อยจะมีใบขนาดใหญ่ กล้วยไม้มีการพัฒนาก้านดอกที่แข็งแรง จากฐานของลำลูกกล้วย ลำลูกกล้ยเหล่านี้ทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ เก็บน้ำและอาหารที่ได้จากใบและราก และทำหน้าที่สร้างใบใหม่ให้เจริญงอกงาม

       กล้วยไม้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้มานานหลาย 1,000 ปี เมื่อต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ล้มตาย หรือถูกโค่นล้มจากพายุฝน มันจะนำไปสู่การแพร่กระจายของสายพันธุ์กล้วยไม้นับร้อย ๆ พัน ๆ ต้น กล้วยไม้มักจะอาศัยอยู่บริเวณกิ่งก้านและลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บางทีกล้วยไม้เองก็คาดหวังที่จะให้ต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่ได้ถูกโค่นล้ม เพื่อที่จะให้ตัวเองได้แพร่พันธุ์ ในธรรมชาติ กล้วยไม้แวนด้าที่มีอายุกว่า 100 ปี อาจมีความสูงมากถึง 3 เมตร และด้วยน้ำหนักของมัน มันจึงมีรากที่แน่นหนาเพื่อยึดตัวเองให้ติดกับต้นไม้ ไม่ให้ตัวเองล่วงลงมาจากต้นไม้



ความซับซ้อนและดอกไม้ที่สร้างสรรค์
       โครงสร้างของดอกกล้วยไม้มีความซับซ้อนเป็นอันดับต้นๆของอาณาจักรพืช เกสรตัวผู้จะมีฝาปิด เพื่อป้องกันมิให้เกสรหล่นหาย ด้านล่างของเกสรตัวผู้ จะมีแอ่งเกสรตัวเมียซึ่งมีน้ำเหนียวๆเพื่อช่วยในการจับเกสรตัวผู้ไว้

       จุดเด่นอีกประการของกล้วยไม้ คือ มีปากที่สวยงาม ปากนี้พัฒนามาจากกลีบดอก ปากของกล้วยไม้จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป บางชนิดจะดูเหมือนลานจอดซึ่งเป็นทางทอดยาว ช่วยล่อแมลงมาลงจอด แล้วผสมเกสรให้ ดอกกล้วยไม้ก็เหมือนดอกไม้ชนิดอื่นๆ คือ มันจะสร้างน้ำหวานขึ้นมา ให้แมลงได้มาดอมดม

ความอุดมสมบูรณ์ของกล้วยไม้ที่นำภัยร้ายมาสู่ตัว
       แมลงที่เป็นพันธมิตรกับกล้วยไม้นั้น มีความงดงามที่น่าชื่นชม เพราะว่ามันแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ยาวนาน มันช่วยผสมเกสรให้กล้วยไม้ ช่วยให้กล้วยไม้ได้พัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้น เกิดเป็นความหลากหลายของธรรมชาติ ปัจจุบันมนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีที่ดี ที่ช่วยในการขยายพันธุ์ ดังนั้นตัวเลขของสายพันธุ์กล้วยไม้จึงมีมากขึ้นนับพันๆต่อปี

       เพราะความหลากหลายที่เหลือเชื่อ ชื่อกล้วยไม้จึงมักที่จะเรียกไม่ตรงกัน ในป่าใหญ่ กล้วยไม้เป็นพืชที่เปราะบางแม้มันจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเพื่อให้มันได้มีอาหารมาเลี้ยงตัวเอง แต่กล้วยไม้เป็นพืชที่ปรับตัวได้ช้า กล้วยไม้ไม่ใช่ผู้บุกเบิกที่ดีนัก มันไม่ได้ถูกพบในช่วงเริ่มแรกของโลก หรือพบในบริเวณกว้าง แต่ที่มันขยายสายพันธุ์ได้เร็ว เนื่องจากมันอยู่ไกล้ชิดกับแมลง กล้วยไม้มีความว่องไวต่อละอองสารเคมี ยาฆ่าแมลง และไฟ ซึ่งนั้นจะยับยั้งการถ่ายละอองเรณูของกล้วยไม้ซึ่งนำไปสู่การสูญพันธุ์

ความต้องการและการถูกทำลาย
จักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส
       กล้วยไม้เป็นพืชขั้นสูง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถปรับตัวได้ทันตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้นกำเนิดของมันกลายเป็นสถานที่ๆถูกรุกราน ความงามของกล้วยไม้ทำให้มันพบกับความโชคร้าย ตั้งแต่สถานที่กำเนิดของกล้วยไม้ถูกค้นพบ ไม่นานกล้วยไม้ก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนต้องการมันไปปลูกที่บ้าน

       จากกล้วยไม้ที่มีมากกลายเป็นพืชที่หายากไปอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นของสะสมที่สำคัญของคนชั้นสูง โดยเฉพาะขุนนางชั้นสูง "Duke of Devonshire" ในปี ค.ศ. 1833. ชายผู้ฟุ่มเฟือย ผู้ซึ่งได้จมอยู่กับความเวิ้งว้าง จนกระทั้งเขาได้หลงไหลในความงามของกล้วยไม้ เขาได้สร้างโรงเรือนขนาด 90x18 เมตรขึ้นมา เพื่อที่จะแขวนกล้วยไม้ที่เขาหามาได้จากรอบโลก ผู้คนเริ่มสะสมกล้วยไม้มากขึ้น แม้กระทั้งจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส "เออเฌนี เดอ มอนตีโค" ผู้ซึ่งใช้เงินมหาศาลไปกับการจัดแสดงกล้วยไม้สะสมของพระองค์ ให้ประชาชนได้ชม กล้วยไม้จึงได้ขยายวงค์กว้างขึ้น

รูปปั้น Benedict Roezlii
       นักพฤกษศาสตร์ผู้ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาธรรมชาติ และปกป้องต้นไม้จากการถูกล่า หรือถูกผู้คนนำมันออกจากป่า ดูเหมือนว่าผู้คนจะยินดีที่จะตัดต้นไม้ทิ้ง เพื่อให้ได้กล้วยไม้ที่อยู่บนต้นไม้นั้น

Dracula roezlii
       ผู้มีประสบการณ์ในการล่ากล้วยไม้ที่กลายมาเป็นผู้โด่งดัง นามว่า "Benedikt Roezl" ผู้ซึ่งใช้ตะขอแทนมือด้านขวา(แขนขวาขาด)ที่ถูกตัดขาดโดยเครื่องที่ใช้ดึงกล้วยไม้ให้ลงมาจากต้นไม้ ระหว่างปี 1830 ถึง 1870 เขาได้ส่งกล้วยไม้จำนวนมหาศาลไปที่อังกฤษ สถานที่ซึ่งมีตลาดที่ใหญ่โต โชคดีที่ Roezlii เป็นมากกว่าผู้รุกรานกล้วยไม้ เขามีความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ เขาค้นพบกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์ชนิด เช่น Miltoniopsis roezlii และ Dracula roezlii ณ เมืองเกิดของเขา มีรูปปั้นสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเขา ในท่าที่มือด้านซ้ายกำลังถือดอกกล้วยไม้แคทลียา
Miltoniopsis roezlii
       หลังจากการชุมนุม กล้วยไม้ก็ถูกขนส่งลงเรือเป็นจำนวนมาก กล้วยไม้เหล่านั้นถูกเก็บไว้ในใต้ท้องเรือ เป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ เมื่อมาถึงฝั่งยุโรป มีกล้วยไม้จำนวนเล็กน้อยที่รอดตายจากการเดินทางในแต่ล่ะครั้ง กล้วยไม้เหล่านั้นจะถูกนำไปบำรุงรักษา และขยายพันธุ์ต่อไป