ลักษณะการเติบโต แบบ Lithophyte |
กล้วยไม้ Phragmipedium besseae |
มีกล้วยไม้หลากหลายชนิดที่ถูกพบในป่าฝนเขตร้อน กล้วยไม้จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เช่นมีรากยาวเพื่อยึดตัวเองกับต้นไม้ ให้ลำต้นตั้งตรงได้ กล้วยไม้บางสายพันธุ์เติบโตบนโขดหินหรือหน้าผา (เรียกว่า Lithophyte) นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่า การเจริญเติบโตบนหน้าผาเป็นการป้องกันตัวไม่ให้ถูกกินจากสัตวว์กินพืชทั้งหลาย เช่น กล้วยไม้ Phragmipedium besseae ที่มีดอกสีแดง-ส้ม เพิ่งถูกค้นพบในปี 1981 เนื่องจากมันเจริญเติบโตอยู่หน้าผา ซึ่งยากต่อการเข้าถึง กล้วยไม้สายพันธุ์นี้จึงถูกค้นพบช้า
กล้วยไม้ Orchis purpurea |
ดอกกล้วยไม้ผี (Epipogium aphyllum) |
กล้วยไม้บางสายพันธุ์เจริญเติบโตในบริเวณที่มีแสงแดดน้อย มันจึงไม่มีสาร'คลอโรฟิลล์'ที่ช่วยในการสร้างสารอาหาร กล้วยไม้สายพันธุ์นี้จึงถูกเรียกว่า"กล้วยไม้ผี"(Epipogium aphyllum) มันเป็นกล้วยไม้ที่หายากมาก กลีบดอกมีลักษณะเกือบโปร่งแสง ซึ่งใช้ดึงดูดผึ้งตัวผู้มาให้มาผสมเกสรให้มัน โดยการส่งกลิ่นอ่อนๆออกมา
ต้นกล้วยไม้รังนก |
กล้วยไม้รังนก (Bird's-nest Orchid) เป็นกล้วยไม้สายพันธุ์ที่เจริญเติบโตในบริเวณร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ รากของมันจะพันม้วนกันเป็นกระจุกเหมือนรังนก มันจึงถูกเรียกว่าเป็นกล้วยไม้รังนก กล้วยไม้ผีหรือกล้วยไม้รังนกนี้มักจะมีลำต้น ใบ และดอกเป็นสีน้ำตาล มันเป็นพืชที่ไม่มีสารคลอโรฟิลล์ที่ใช้สารสารอาหาร ในการสร้างอาหารกล้วยไม้เหล่านี้ต้องมีเชื้อราบางชนิดคอยสังเคราะห์อาหารแทนคลอโรฟิลล์
กล้วยไม้สกุล Dactylorhiza |
เขตร้อนชื้นเป็นเหมือนขุมทองของเหล่ากล้วยไม้ เช่น กล้วยไม้สกุล Dactylorhiza เป็นกล้วยไม้ที่มีดอกกระจุกตัวอยู่ในช่ออย่างหนาแน่น กล้วยไม้สกุลนี้มีประมาณ 6 สายพันธุ์ ส่วนใหญ่จะมีดอกสีชมพู-แดง(เช่น marsh ochid) หรือสีเหลืองซีด(เช่น Dactylorhiza sambucina) ชื่อเหล่านี้ได้มาจากกลิ่นของดอก
กล้วยไม้ Spiranthes cernua |
กล้วยไม้หลายชนิดมีรากอยู่ในน้ำ เช่น Spiranthes cernua เป็นกล้วยไม้ที่เติบโตในน้ำ รากอยู่ใต้น้ำที่ความลึกถึง 20 ซม. ส่วนหนองน้ำโกงกางก็เป็นที่อาศัยของกล้วยไม้เช่นเดียวกัน เช่น กล้วยไม้ Caularthroy bicornatum ซึ่งเจริญเติบโตบนท่อนไม้
สำหรับในประเทศไทย กล้วยไม้สกุลรองเท้านารีก็เป็นอีกสกุล ที่มักเจริญเติบโตในบริเวณที่มีความชื้นสูง หรือบนหน้าผาข้างทะเลที่มีละอองน้ำ
กล้วยไม้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่สูงและอากาศที่สุดขั้ว
บนภูเขามีกล้วยไม้อาศัยอยู่มากมายหลายชนิด เช่น กล้วยไม้'Nigritella' เติบโตอยู่บนภูเขาแอลป์ที่ระดับความสูง 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และส่งกลิ่นวนิลาออกมา กล้วยไม้สกุล'Ada aurantiaca'ในเนปาล สามารถเติบโตบนที่สูงกว่า 3,000 เมตร ส่วนกล้วยไม้ Vanda cristata เติบโตบนตีนเขาหิมาลัย
กล้วยไม้ Trichocentrum lacerum ถูกยกย่องว่าเป็นกล้วยไม้ที่มีความทนทานมากที่สุด มันเจริญเติบโตบนโขดหินกลางแจ้งที่ร้อนระอุ
กล้วยไม้ที่ไม่ธรรมดาในทะเลทรายออสเตรเลีย
รูปภาพกล้วยไม้ Rhizanthella gardneri ที่มา : diariodabotanica.blogspot.com |
Jack Trott สังเกตุเห็นรอยพื้นดินที่แยกออก เขาจึงก้มเข้าไปดูใกล้ๆ เขาได้กลิ่นความหวาน จึงทำการขุดดู เขาพบดอกไม้สีขาวๆเล็กๆที่มีขนาด 1 ซม. กล้วยไม้ที่เขาพบนี้เป็นประเภทใหม่ที่ยังไม่เคยถูกพบมาก่อน การค้นพบดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นให้ชาวอังกฤษอยู่ระหนึ่ง
ใบของกล้วยไม้ถูกสร้างขึ้นจากลำต้นใต้ดิน(หัว) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตดอกกล้วยไม้ด้วย กล้วยไม้1ช่อ ประกอบด้วยดอกกล้วยไม้ขนาดเล็กอีก 150 ดอก ซึ่งแตกต่างจากกล้วยไม้อื่น ๆ ในออสเตรเลียตะวันตก กล้วยไม้ใต้ดินในออสเตรเลียยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ใต้ดิน ตลอดชีวิตของมัน ไม่สามารถสังเคราะห์พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ มันใช้เชื้อราไมคอไรซาในการสังเคราะห์แสงแทน
ดอกกล้วยไม้จะบานในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนและช่อดอกมีขนาด 2.5-3 ซม. มีดอกขนาดเล็กสีแดงเข้มประมาณ 8-90 ดอก
Rhizanthella gardneri พันธุ์ vegetatively สามารถขยายพันธุ์โดยการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยแมลงใต้ดิน เช่น ปลวกในการช่วยผสมเกสรดอกไม้ มันจะส่งกลิ่นหอมพ่อล่อปลวกมาผสมเกสร ฝักจะแก่ในเวลาประมาณ 6 เดือน
ที่มาส่วนใหญ่จะเป็น Wikipedia ซึ่งหลายส่วนได้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลไว้แล้ว