กล้วยไม้สกุลฟาแลน ชนิด violacea | Phalaenopsis Orchid

ชื่ออื่นๆ : Stauritis violacea
ถิ่นกำเนิด : มาเลเซีย เกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว
การเพาะปลูก : ง่าย
สภาพอากาศที่เจริญเติบโต : อบอุ่น

กล้วยไม้สกุลฟาแลน พันธุ์ violacea 
       กล้วยไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบในปี 1860 ในประเทศมาเลเซีย เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยขนาดเล็กๆ แต่มีใบที่โดดเด่นและมีกลีบปากขนาดใหญ่ มีสีม่วงไวโอเล็ท ดอกมีพื้นหลังสีขาวและมีสีม่วง-ชมพูเข้ม ดอกมีขนาดประมาณ 3 ซม กล้วยไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตในบริเวณด้านข้างของแม่น้ำในป่า 

       กล้วยไม้ฟาแลนชนิดนี้ง่ายต่อการเพาะปลูก โดยนิยมใช้เปลือกสนผสมกับสแฟกนั่ม (ตำราเขียนไว้ว่างั้น) หรือปลูกในกระถางดินเผา ต้องการความชื้น 70 ถึง 80 เปอร์เซ็น กล้วยไม้ไม่ทนต่อความแห้งแล้ง และไม่ทนต่อน้ำกระด้าง(น้ำบาดาล) ต้องการแสงแดดรำไร


กล้วยไม้สกุลฟาแลน พันธุ์ violacea 
       กล้วยไม้ฟาแลนชนิดนี้มักถูกสับสนกับอีกชนิดหนึ่ง คือ Phalaenopsis bellina ซึ่งมีหน้าตาคล้ายๆกัน (ดังรูปด้านล่าง)
รูปกล้วยไม้ฟาแลน bellina ซึ่งมีหน้าตาคล้าย violacea

เรื่องราวกล้วยไม้ : จากป่าเขตร้อน จนกระทั้งถึงกลางทะเลทราย
       กล้วยไม้หลายชนิดมีรากอยู่ในน้ำ เช่น Spiranthes cernua เป็นกล้วยไม้ที่เติบโตในน้ำ รากอยู่ใต้น้ำที่ความลึกถึง 20 ซม. ส่วนหนองน้ำโกงกางก็เป็นที่อาศัยของกล้วยไม้เช่นเดียวกัน เช่น กล้วยไม้ Caularthroy bicornatum ซึ่งเจริญเติบโตบนท่อนไม้

       สำหรับในประเทศไทย กล้วยไม้สกุลรองเท้านารีก็เป็นอีกสกุล ที่มักเจริญเติบโตในบริเวณที่มีความชื้นสูง หรือบนหน้าผาข้างทะเลที่มีละอองน้ำ

กล้วยไม้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่สูงและอากาศที่สุดขั้ว
       บนภูเขามีกล้วยไม้อาศัยอยู่มากมายหลายชนิด เช่น กล้วยไม้'Nigritella' เติบโตอยู่บนภูเขาแอลป์ที่ระดับความสูง 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และส่งกลิ่นวนิลาออกมา กล้วยไม้สกุล'Ada aurantiaca'ในเนปาล สามารถเติบโตบนที่สูงกว่า 3,000 เมตร ส่วนกล้วยไม้ Vanda cristata เติบโตบนตีนเขาหิมาลัย

       กล้วยไม้ Trichocentrum lacerum ถูกยกย่องว่าเป็นกล้วยไม้ที่มีความทนทานมากที่สุด มันเจริญเติบโตบนโขดหินกลางแจ้งที่ร้อนระอุ